พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ส่วนกลางคณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัด ผู้มีจิตศรัทธานักเรียนทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ และสื่อ ...
จุดประสงค์และงานของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เป็นที่ทราบกันทั่วไปแล้วว่า เป็นมูลนิธิที่จะช่วยและที่ได้ช่วยผู้ประสบภัยธรรมชาติในรูปต่างๆ แต่ที่ไม่ทราบกันโดยทั่วไป ก็คือมูลนิธิได้เป็นมาอย่างไร ตั้งแต่ต้นและมีจุดประสงค์ต่างๆ อย่างไร
นอกเหนือจากการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติและไม่ทราบถึงว่างานการของมูลนิธินี้ซับซ้อนไม่ใช่น้อย ดังที่ได้เห็นประจักษ์ในการที่นักเรียนที่อยู่อุปถัมภ์ของมูลนิธิได้มาในวันนี้ และได้แสดงตัวว่า เป็นผู้ที่ได้สำเร็จการศึกษาในชั้นที่เรียกว่าสูงและได้เข้ารับงานทั้งงานราชการ ทั้งงานส่วนตัวที่มีหลักฐานและจะสำมารถทำประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับส่วนรวมนี้ แสดงให้เห็นว่างานของมูลนิธิก็กว้างขวางไม่ใช่น้อย
ถ้าอยากจะเข้าใจว่า ทำไมงานมูลนิธินี้ กว้างขวางและดำเนินได้ดี ก็จะต้องดูว่า ทำอย่างไรหรือทำมาอย่างไรที่ทำให้มูลนิธินี้ทำงานได้อย่างกว้างขวางเช่นนี้ ข้อแรก ที่ต้องกล่าวก็คือกรรมการทั้งหลายตั้งแต่ต้นได้บริหารมูลนิธินี้ ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยอย่างเสียสละ อย่างใช้ความสำมารถเต็มที่ ใช้ความฉลาดและความตั้งใจแน่วแน่ เพื่อที่จะให้บรรลุตามจุดประสงค์ของมูลนิธิคือ ช่วยเหลือผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยาก สำหรับข้อนี้ก็ย่อมต้องชมเชยและขอบใจแทนผู้ที่ได้รับผลรับประโยชน์จากการทำงานของมูลนิธิ ต้องขอบใจที่กรรมการทุกชุดได้ทำงานด้วยความตั้งใจดีเช่นนี้ และกรรมการที่เข้ารับงานใหม่นี้ ก็ย่อมทราบดีว่าต้องเสียสละและต้องทำงานด้วยความเข้มแข็งเพียงไร ข้อนี้ก็เป็นข้อหนึ่งทำให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ก้าวหน้าและบริการช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากได้อย่างดีข้อที่ควรทราบอย่างยิ่งก็คือ ประวัติของมูลนิธิซึ่งถือกำเนิดมาจากวาตภัยครั้งใหญ่ ๒๕๐๕ที่แหลมตะลุมพุกนั่นเอง แต่ว่าตอนนั้นไม่ได้มีมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ และยังไม่มีอีก ภายหลังเหตุการณ์นั้นเป็นระยะหนึ่ง ฉะนั้น การที่ผู้ที่รับอุปการะในทำงการศึกษานั้นก็ได้รับการอุปการะจากกองทุน หรือจากผู้ที่บริจาค ที่ประชาชนได้บริจาคเพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบวาตภัยในครั้งนั้น มูลนิธิได้ก่อตั้งจากรากฐานนั้น และได้รับเรียกว่ามรดกของงานของกรรมการที่ได้จัดการสงเคราะห์ในครั้งนั้นซึ่งมีประชาชนนับหลายหมื่นคนได้ช่วยกันสมทบทุนเข้ามา เป็นจำนวนเงินเป็นล้าน เพื่อที่จะสงเคราะห์เพื่อที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนั้น ครั้งนั้นเป็นภัยธรรมชาติที่ใหญ่หลวงบ้านเรือนถูกพัดพาไปมีผู้เสียชีวิตที่ต้องบาดเจ็บ และไร้ที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก บ้านเรือนถูกพัดพัง วัดวาอารามก็พังไป
โรงเรียนและสถานที่ต่างๆ ก็พังพินาศไปหลายแห่ง ที่ประชาชนได้สมทบในการสงเคราะห์ครั้งนั้นก็ได้ใช้ไปสำหรับช่วยเหลือโดยตรงกับผู้ที่กำลังต้องการช่วยเหลือ คือต้องมีเสื้อผ้า ต้องมีอาหาร ต้องมีที่พักอาศัย ได้ช่วยร่วมกับทำงราชการ ที่จะให้ผู้ที่ประสบภัยนั้นได้รับการสงเคราะห์โดยเร็วโดยฉับพลันและสำหรับผู้ที่ต้องสูญเสียอย่างผู้ที่นั่งข้างหน้านี้ต้องสูญเสียพ่อแม่และที่พึ่ง ก็ย่อมต้องเป็นผู้ที่เดือดร้อนอย่างยิ่ง เพราะว่าไร้ที่พึ่ง ทำงกองทุนและผู้ที่สงเคราะห์ก็ได้ไปช่วยตลอดจนได้ที่เล่าเรียนถ้าไม่มีที่เล่าเรียนหรือที่อาศัย ก็เข้าใจว่าเดือดร้อนมากอย่างยิ่ง
ฉะนั้น ทำงกองทุนและกรรมการได้จัดตั้งให้มีโรงเรียนขึ้น เป็นโรงเรียนพิเศษสำหรับสงเคราะห์ผู้ที่ไร้ที่พึ่ง จึงเป็นโครงการระยะยาวขึ้นมา ต่อจากนั้น เมื่อเหตุการณ์ค่อยดีขึ้นและเห็นว่าภัยธรรมชาตินั้นย่อมจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะเป็นธรรมชาติ มีพายุ มีน้ำท่วม มีไฟไหม้ และภัยอื่นๆ นานาประการจึงได้ตั้งกรรมการขึ้นเพื่อที่จะศึกษาเพื่อการตั้งเป็นมูลนิธิ ซึ่งจะเป็นเหมือนองค์การหรือหน่วยงานที่เป็นพิเศษสำหรับช่วยเหลือประชาชน ในเมื่อมีภัยธรรมชาติ จะได้ช่วยเหลือประชาชนได้โดยฉับพลัน และเป็นการช่วยทำงราชการที่จะทำให้ผู้ที่ได้รับภัยธรรมชาตินั้นบรรเทำความเดือดร้อนจึงตั้งขึ้นมาเป็นมูลนิธิ และมูลนิธินี้ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากประชาชนได้สมทบเข้ามาเป็นจำนวนมาก และทำให้งานก้าวหน้าไปได้มาก งานของมูลนิธินี้ จึงได้รับเรียกว่า มรดกในกองทุนที่ประชาชนได้บริจาคในครั้งนั้น ทั้งได้รับมรดกภาระที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดู ผู้ที่ต้องได้รับการศึกษาจนกระทั่งถึงบัดนี้ก็มีผู้ที่สำเร็จการศึกษาและออกทำงานทำการเป็นกำลังสำหรับส่วนรวมได้เป็นอย่างดี แต่ก็เป็นภาระที่ต่อเนื่องมา จึงเป็นเรื่องของการสงเคราะห์ในด้านการศึกษาไป ซึ่งดูไปว่าเหมือนจะไม่ตรงกับความหมายของมูลนิธิ ความมุ่งหมายที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ แต่ว่าก็เป็นส่วนหนึ่งของงานที่ได้รับมรดกจากกองทุนตอนตั้งมูลนิธิ เป็นข้อผูกพันในงานของมูลนิธินี้ จึงต้องเกี่ยวพันกับการศึกษา
การสงเคราะห์นั้นส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับประชาสงเคราะห์ ทำงมูลนิธิจึงต้องติดต่อโดยใกล้ชิดกับกรมประชาสงเคราะห์ ที่อยู่ในกระทรวงมหาดไทย แต่การศึกษานั้นก็ส่วนหนึ่ง สมัยหนึ่งก็อยู่ในสังกัดของกระทรวงมหาดไทยส่วนหนึ่ง กระทรวงศึกษาส่วนหนึ่ง นอกจากนั้นสำหรับช่วยเหลือ ก็จะต้องมีการช่วยเหลือในด้านอนามัย ก็จะต้องเกี่ยวข้องกับกระทรวงสำธารณสุขด้วยและองค์การอื่นๆซึ่งเกี่ยวข้องมีสภากาชาด เป็นต้น และนอกจากนั้นก็ยังมีส่วนอื่นๆ ที่ได้ช่วยเหลือและร่วมในงานการด้านการสงเคราะห์ผู้ที่ประสบภัยธรรมชาติ มีกองทัพบก กองทัพอากาศ และกรมตำรวจ เป็นต้นฉะนั้น มูลนิธินี้ จึงต้องติดต่อและประสำนงานกับกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยราชการทั้งองค์การและมูลนิธิอื่นๆ ของเอกชนอย่างมากมาย จึงทำให้งานนี้ซับซ้อนและยากลำบาก แต่อาศัยที่ทุกคนมีความเข้าใจดีในจุดประสงค์ และได้เสียสละแรงของตัว ความคิดของตัวเพื่อที่จะให้งานนี้ดำเนินไปด้วยดี จึงทำให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เป็นที่นิยมยินดีกับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ช่วยสงเคราะห์ ทั้งฝ่ายที่ได้รับการสงเคราะห์ จนกระทั่งได้มีก้าวต่อไปคือ ที่ได้ตั้งเป็นกองทุนของจังหวัดต่างๆ ดังที่มีผู้มีจิตศรัทธาได้สมทบในกองทุนของส่วนจังหวัดมาเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย ซึ่งจะช่วยให้งานของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ดำเนินไปด้วยดียิ่งขึ้น เพราะสำคัญที่สุดอยู่ที่ว่าถ้าเกิดภัยธรรมชาติใดๆ จะต้องช่วยผู้ที่ประสบทุกข์นั้นโดยเร็วที่สุด โดยมากแต่ก่อนนี้ลำบาก เพราะว่า ถ้าเกิดภัยธรรมชาติ
อะไรขึ้นมา ทำงส่วนจังหวัดนั้น ไม่มีทุนพอที่จะรีบดำเนินงาน ทำงส่วนกลางของมูลนิธิไม่สำมารถที่จะแจกจ่ายออกไปให้มากพอ จึงทำงานอาจจะล่าช้าไปได้มาบัดนี้ หลายจังหวัด ได้ตั้งเป็นทุนส่วนจังหวัด นับว่าทำให้สำมารถที่จะช่วยเหลือได้โดยฉับพลัน คือ ถ้าเกิดเรื่องอะไรในเพียงไม่กี่ชั่วโมงภายหลังผู้ที่ประสบภัยนั้นได้รับการช่วยเหลือแล้วอันข้อนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเหตุว่าผู้ที่ประสบภัยนั้นเดือดร้อน ถ้ายกตัวอย่างว่าเดือดร้อนเพราะว่าทุกคนต้องมีอาหารใส่ท้องทุกวันไม่อย่างนั้นก็หิว ถ้าสมมติว่าช้าไปก็หิวก็เดือดร้อนเพราะว่าความหิวเป็นความเดือดร้อนอย่างยิ่ง ทำงมูลนิธิก็ได้สำมารถที่จะช่วยได้ทันท่วงที ไม่ให้ผู้ประสบภัยนั้นต้องประสบความเดือดร้อนเพิ่มเติม ก็มีเรื่องที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้วหลายครั้งว่ามีผู้หนึ่งที่ประสบอัคคีภัยและร้านของเขาถูกไฟไหม้ไปหมด เดือดร้อนมาก แต่ไม่กี่เดือนภายหลังก็มาพบแล้วบอกว่า
ขอขอบใจอย่างสูงที่ได้ช่วยชีวิตเขา มิฉะนั้นเขาแย่ ก็เลยเล่าให้ฟังว่าเขาโดนไฟไหม้เสียหมด แต่ว่าเช้าวันนั้นเองทำงมูลนิธิได้ส่งอาสำสมัครไป และไปช่วยให้ข้าวต้ม ให้สิ่งของใช้พอสมควรทำให้ชื่นใจ จิตใจ
สบายขึ้น และเขาบอกว่า ที่ให้มานั้นความจริงมันเล็กน้อย แต่ก็เขาบอกว่าทำให้เขามีชีวิตรอดได้เขาบอกว่าเขาเสียไปเยอะแยะ ที่ให้มานั้นมันไม่คุ้ม ไม่ได้ทำให้เขาคืนสภาพมาได้ แต่ว่าทำให้คืนสภาพได้ก็คือจิตใจ กำลังใจที่ได้เพราะรู้ว่าไม่ถูกทอดทิ้ง เขาเคยบอกว่าเดี๋ยวนี้เขาได้ตั้งตัวแล้วกลับอย่างเดิมทุกประการ เพราะได้รับการช่วยเหลือในขั้นต้นโดยฉับพลันนั้น มิฉะนั้นก็คงต้องล่มจม ก็หมายความว่าที่ได้รับความช่วยเหลือนั้น มีความสำคัญอยู่ที่จิตใจ ทำให้มีกำลังใจที่จะทำงานต่อไป เลี้ยงตัวเองได้ฉะนั้น งานของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ก็สำคัญมาก และซับซ้อนในด้านจิตใจถ้าย้อนกลับมาพูดถึงท่านทั้งหลายที่ได้รับการศึกษา และที่สำมารถออกไปทำงานของตนๆ ได้ก็เชื่อว่าส่วนหนึ่งของการที่สำมารถที่เรียน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องให้ทุน ให้มีเงินพอสำหรับซื้อตำราให้มีเงินพอที่จะเสียค่าเล่าเรียน แต่ว่าเข้าใจว่าอยู่ที่จิตใจ เพราะว่าสบายใจขึ้น ฉะนั้น การที่สบายใจขึ้นนี้ก็สำคัญ ทำให้เรียนได้และจิตใจของตัวเองไม่ใช่จิตใจของคนอื่น เมื่อมีความตั้งใจที่จะเรียนมันก็เรียนได้ มีคนอื่นที่เขามีความสุข ความสบายในทำงวัตถุมาก แต่ว่าเขาไม่สำมารถที่จะเรียนสำเร็จการศึกษา และยิ่งร้ายไม่มีความสำเร็จในชีวิตใดๆ เลย เพราะว่าไม่มีกำลังใจ ไม่สำนึกว่ากำลังใจของตัวนี้สำคัญ ตอนนี้ก็มีกำลังใจที่จะทำงานและสำคัญ มีกำลังใจที่จะทำงานใดๆ ที่เป็นประโยชน์ที่เป็นสิ่งที่สุจริตทั้งเข้มแข็งในงานการเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นด้วย ถ้าทำเช่นนี้ทำงานด้วยความสุจริต ทำงานเพื่อด้วยการเผื่อแผ่คนอื่น ทำงานด้วยความเข้มแข็ง เพื่อให้งานสำเร็จไปด้วยดี ให้เป็นประโยชน์นั้น ย่อมทำงานนั้นเป็นประโยชน์จริงๆ สำเร็จได้
แต่ถ้าหากว่ามานึกดู ทุกคนก็เท่ากับเป็นลูกของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ที่กล่าวว่าทุกคนตั้งใจที่จะทำงานทำการด้านความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ไว้ใจได้และเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่ง หมายความว่าทุกคนได้สำนึกและตั้งใจที่จะจงรักภักดี ทำงมูลนิธิในฐานะที่เป็นทั้งพ่อและแม่ของผู้ที่ได้รับการศึกษา ก็ย่อมต้องอุปการะ ถ้าอุปการะนี้ก็ต้องแบ่งเป็น ๒ อย่าง อุปการะในทำงจิตใจด้านหนึ่ง คือ ยังเป็นลูก พ่อแม่กับลูกย่อมตัดไม่ได้และต้องอุปการะ อีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้ามีคนเดือดร้อนอะไร มีความปรารถนาอะไรก็ต้องสำมารถที่จะมาปรึกษาหารือกันได้ต่อไป ฉะนั้น ผู้ที่สำเร็จการศึกษาชั้นสูงไป ในด้านงานการก็ทำไปแต่ก็ไม่ขาดจากการอุปการะของมูลนิธิคือ มูลนิธิยัง
คงใส่ใจและไม่ขาดจากความรู้สึก หมายถึงสำหรับฝ่ายที่รับอุปการะความรู้สึกว่ามูลนิธิได้ช่วยเหลือการติดต่อนี้ ความสัมพันธ์นี้ ก็ยังไม่หมดไป ฉะนั้น เมื่อสำเร็จหรือเมื่อไปทำงานที่ไหนแล้ว ก็ย่อมต้องหรือยังสำมารถที่จะปรึกษากันได้กับผู้อุปการะมูลนิธินี้ ก็เป็นนิติบุคคลไม่ได้เป็นบุคคลที่เป็นคนๆ แต่ว่าก็มีกรรมการต่างๆ และทั้งมีตัวผู้ที่ได้รับอุปการะเป็นบุคคล ฉะนั้น การที่ถ้ามีความเดือดร้อนอะไร หรือมีความปรารถนาอะไรก็ย่อมต้องปรึกษาหารือกันได้ ระหว่างผู้ที่ได้รับอุปการะกันเองก็ได้ หรือผู้ที่เป็นกรรมการต่างๆ ของมูลนิธิก็ได้ยังเป็นกันเองอยู่ ดังนี้ก็จะสำมารถทำงานทำการเป็นประโยชน์ยิ่งขึ้น ที่ว่าไม่สำมารถที่จะนำเงินสมทบนั้นไม่สำคัญจริง แต่ว่าจิตใจที่จะเผื่อแผ่ที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันนี้ก็ไม่ต้องเสียสตางค์อะไร พูดกันได้และอันนี้จะเป็นที่ดีงามที่สุดสำหรับบุคคลและดีงามที่สุดสำหรับส่วนรวมเหมือนกัน ที่จะเพราะความ
เอ็นดูสงสำรซึ่งกันและกัน เมตตาซึ่งกันและกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่างนี้ทำให้บ้านเมืองเจริญ บ้านเมืองมีความสงบสุขอย่างดีที่สุด ฉะนั้น งานนี้ด้านนี้ก็เชื่อว่ามีประโยชน์อย่างมาก เพราะว่า
เป็นด้านจิตใจอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ ฉะนั้นที่ทุกคนได้ช่วยกันทำงานนี้ ก็นับว่าเป็นงานที่จะเป็นประโยชน์จริงๆ จะเป็นด้านการศึกษา ด้านการสงเคราะห์ ด้านการแพทย์ การรักษาพยาบาล หรือด้านการรักษาความมั่นคงของประเทศก็มีความสำคัญทั้งนั้น และต้องสัมพันธ์กัน
การที่ทุกคนที่มาอยู่ในที่นี้ ได้เข้าใจลึกซึ้งถึงความสำคัญของมูลนิธิก็นับว่าเป็นประโยชน์เพราะว่ามีทั้งกรรมการบริหาร และกรรมการสำขาต่างๆ และผู้ที่มีจิตศรัทธาทั้งส่วนกลาง ทั้งส่วนจังหวัดต่างๆ มาได้และพบกันทำความเข้าใจกัน ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสสำคัญ ในโอกาสนี้ก็ขอขอบใจอีกครั้งหนึ่ง ในงานการที่ดีงามของกรรมการที่ได้บริหารมูลนิธิด้วยความเข้าใจ ด้วยความเฉลียวฉลาดด้วยความเสียสละ ขอบใจผู้ที่มีจิตศรัทธาเข้าใจถึงผลดีของมูลนิธิ เสียสละทั้งทรัพย์ เสียสละทั้งแรงเพื่อจะสนับสนุนมูลนิธิให้คนตั้งอยู่ได้ เป็นที่พึ่งของประชาชนที่ต้องเดือดร้อน และข้อสำคัญการที่ทุกคนต้องทำงานเสียสละแรงงานของตัว และเสียทรัพย์มาช่วยสร้างมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯเพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ก็นับว่าเป็นผู้ที่ไม่ประมาท เพราะว่าใครจะทราบได้ว่าภัยธรรมชาตินั้นจะลงที่ไหน ภัยธรรมชาติที่ไหนก็เกิดภัยได้ แล้วก็ตนเองอาจจะได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิทั้งในด้านวัตถุและด้านจิตใจ ฉะนั้น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ นี้ ถ้าทำงานได้ดีก็เชื่อว่าเป็นหน่วยงานอย่างหนึ่งที่ประโยชน์ได้กว้างขวาง นอกเหนือจากจุดประสงค์ที่เห็นได้หรือที่เข้าใจว่าเป็นจุดประสงค์อันเดียว ก็คือ สงเคราะห์ผู้ประสบภัยในด้านวัตถุ
ฉะนั้น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ นี้ ก็จะเป็นประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง เพราะว่าเกี่ยวข้องกับจิตใจ ช่วยให้คนทุกคนมีความมั่นใจ ช่วยเมตตาซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นรากฐานของความเจริญ รากฐานของความมั่นคงและความสงบ ขอให้ทุกคนที่ช่วยทั้งทำงกาย ทำงใจ ทำงทรัพย์ได้รับความขอบใจทั่วถึงกัน และขอให้ทุกคนได้รับผลดี จากการที่เสียสละดังกล่าวนี้ มีความก้าวหน้ามีความเจริญ มีความสำเร็จทุกกาลเวลา ในการงานทุกอย่างที่ตั้งใจแน่วแน่เพื่อความเจริญรุ่งรืองขอให้ประสบความสำเร็จ ความเจริญทั่วกันทุกคน.
พระราชทานแก่คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ส่วนกลางคณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัด ผู้มีจิตศรัทธานักเรียนทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ และสื่อมวลชน