นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี มอบถุงพระราชทานให้แก่ราษฎร และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดน่าน
วันศุกร์ที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๐.๑๐ น. ที่ผ่านมา นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เพิ่มเกษร รองเลขาธิการ กปร. และคณะอนุกรรมการฯ เชิญถุงพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านความมั่นคง ณ ฐานปฏิบัติการบ้านสบมาง หมวดตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๓๒๕๔ ตำบลภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน จำนวน ๓๐ ถุง การนี้ องคมนตรี ได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่ และร่วมปลูกต้นไทรย้อยใบแหลมเพื่อสร้างความเขียวชอุ่มและร่มเงาให้แก่พื้นที่
จากนั้นคณะฯ ได้เดินทางไปยังโครงการพัฒนาบ้านกอก-บ้านจูน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน เพื่อเชิญถุงพระราชทาน จำนวน ๒๐๐ ถุง ไปมอบแก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมเสื้อกันหนาว จำนวน ๔๐ ตัว ไปมอบแก่เด็กในพื้นที่โครงการฯ เพื่อบรรเทาความหนาวเย็นจากอุณหภูมิที่ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง และพบปะพูดคุยกับราษฎร พร้อมเยี่ยมชมกิจกรรมศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียน อาทิ การเลี้ยงกบ เลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย การเลี้ยงไก่ดำ การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ ต่อมาได้รับฟังบรรยายสรุปผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานของโครงการพัฒนาบ้านกอก-บ้านจูนฯ ที่ได้พัฒนาตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตามกรอบแนวความคิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเศรษฐกิจแบบพอเพียง โดยสำนักงาน กปร. ได้สนองพระราชดำริร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาคุณถาพชีวิตของราษฎรในด้านต่าง ๆ ส่งผลให้ราษฎรมีรายได้
ช่วงบ่ายคณะเดินทางไปยังโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ บ้านสบขุ่น ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เพื่อเชิญถุงพระราชทาน รวมทั้งสิ้น ๖๔๓ ถุง ไปมอบแก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมเสื้อกันหนาว รวม ๔๐๐ ตัว ไปมอบแก่เด็กในพื้นที่โครงการฯ โอกาสนี้ ได้พบปะพูดคุยกับราษฎรพร้อมเยี่ยมชมผลผลิตต่าง ๆ เช่น การปลูกพริกซึ่งเป็นพริกที่เผ็ดรุ่นแรงมาก ทำรายได้ให้แก่เกษตรกรโดยจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ บาทต่อ เพื่อนำไปแปรรูปยานวดสมุนไพร สเปย์พริก และประกอบอาหาร นอกจากนี้ยังมีการแปรรูปลูกต๋าวซึ่งถือเป็นผลิตผลที่สร้างรายได้ให้แก่ราษฎรอีกด้วย
จากนั้นคณะ ได้รับฟังบรรยายสรุปผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานของโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงฯ บ้านสบขุ่น ที่สามารถลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยวและปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชระบบวนเกษตรทำให้เกิดความหลากหลายของนิเวศเกษตร ในพื้นที่จำนวน ๔๗๐ ไร่ สภาพทรัพยากรป่าไม้ได้รับการฟื้นฟูและปกป้อง ทำให้ระบบนิเวศป่าต้นน้ำกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นแหล่งอาหาร ไม้ใช้สอยให้แก่ชุมชน ราษฎรมีแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคจากป่าที่ได้รับการฟื้นฟู ส่งผลต่อคุณภาพที่ดีขึ้นของราษฎร